วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

โรคกระเพาะอาหาร ป้องกันและแก้ปัญหาด้วย คาวตอง พลัส

โรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือคนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า โรคกระเพาะอาหาร  เกิดจากสาเหตุหลายประการ และมีกลไกการเกิดโรคที่ซับซ้อนมาก สาเหตุมาจากกรดและน้ำย่อยที่หลั่งออกมาในกระเพาะอาหาร ไม่ว่ากรดนั้นจะมีปริมาณมากหรือน้อยจะเป็นตัวทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ร่วมกับมีความบกพร่องของเยื่อบุกระเพาะอาหารที่สร้างแนวต้านทานกรดไม่ดี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งเสริมให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้แก่ ยาแอสไพริน ยารักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบ การสูบบุหรี่ ความเครียด อาหารเผ็ด สุรา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร เกิดการอักเสบเรื้อรัง แล้วนำไปสู่การเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นได้

    เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไรอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของโรคแผลในกระเพาะอาหาร
     ปัจจุบันพบว่าเชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร มีรูปร่างเป็นเกลียวและมีหาง มีความทนกรดสูงเนื่องจากสามารถสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่ รอบๆตัวมัน  ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในชั้นผิวเคลือบภายในกระเพาะอาหารได้ และยังสร้างสารพิษทำลายเซลล์เยื่อบุผิวของกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เกิดการอักเสบและเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหาร จึงนับเป็นสาเหตุสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ขณะที่ทำการรักษาแผลในกระเพาะอาหารอยู่ เชื้อนี้จะเป็นต้นเหตุทำให้แผลหายช้า และทำให้แผลที่หายแล้วกลับเป็นซ้ำได้อีก รวมถึงยังเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอีกด้วย

      อาการสำคัญของโรคแผลในกระเพาะอาหาร
      -ปวด หรือจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่หรือช่องท้องช่วงบน ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด มักเป็นในช่วงท้องว่างหรือหิว โดยอาการดังกล่าวมักไม่เป็นตลอดทั้งวัน
      -อาการปวดแน่นท้องที่บรรเทาลง ได้ด้วยอาหารหรือยาลดกรด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารรสเผ็ดหรือเปรี้ยวจัด เป็นต้น
      -อาการปวด มักเป็นๆ หายๆ นานเป็นปี โดยมีช่วงเว้นที่ปลอดอาการค่อนข้างนาน เช่น ปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์และหายไป หลายๆ เดือนจึงกลับมาปวดอีกครั้ง
      -ปวดแน่นท้องกลางดึกหลังจากหลับไปแล้วจนต้องตื่นขึ้นมา

       ในผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการปวดท้องแต่จะมีอาการแน่นท้อง หรือรู้สึกไม่สบายในท้อง มักจะเป็นบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือกลางท้อง รอบสะดือ ในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีท้องอืดร่วมด้วย โดยเฉพาะหลังกินอาหารจะมีท้องอืดขึ้นชัดเจน มีลมมากในท้อง ท้องร้องโกรกกราก ต้องเรอหรือผายลมจะดีขึ้น อาจมีคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย โดยเฉพาะหลังอาหารแต่ละมื้อหรือช่วงเช้ามืด ผู้ป่วยอาจมีอาการอิ่มง่ายกว่าปกติ ทำให้กินได้น้อย และน้ำหนักลดลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอาการเรื้อรังเป็นปี แต่สุขภาพทั่วไปมักไม่ทรุดโทรม น้ำหนักไม่ลด รวมถึงไม่มีภาวะซีดร่วมด้วย
       ภาวะแทรกซ้อนของโรคแผลใน กระเพาะอาหาร พบได้ประมาณร้อยละ 25-30 อาทิ ภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร พบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเหลวสีดำ เหนียว คล้ายน้ำมันดิน หรือมีหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นลม
        กระเพาะอาหารทะลุ ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องช่วงบนเฉียบพลัน รุนแรง หน้าท้องแข็ง ตึง กดเจ็บมาก กระเพาะอาหารอุดตัน ผู้ป่วยจะรับประทานได้น้อย อิ่มเร็ว อาเจียนหลังอาหารเกือบทุกมื้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
    การรักษาในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ
     1.การรักษาสาเหตุ ในกรณีตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้การรักษาโดยมีสูตรยา 3-4 ชนิดร่วมกัน รับประทานนาน 1-2 สัปดาห์ สูตรยาส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด เพื่อรักษาแผลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจหาเชื้อซ้ำภายหลังจากได้รับประทานยาปฏิชีวนะครบแล้ว โดยอาจเป็นการตรวจโดยการส่องกล้องกระเพาะอาหารอีกครั้งเพื่อทำการพิสูจน์ ชิ้นเนื้อซ้ำ หรือทดสอบโดยการรับประทานยาสำหรับทดสอบเชื้อแบคทีเรียโดยตรง และตรวจวัดสารที่ถูกปล่อยออกมาทางลมหายใจ ทั้ง 2 วิธีถือเป็นวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน 
       หลังตรวจพิสูจน์แล้วว่าไม่พบเชื้อแบคทีเรีย โอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กซ้ำจะมีน้อยกว่า 10% ภายใน 1 ปีหลังได้รับการรักษา  ส่วนการรักษาโดยยาลดกรด PPI เพียงอย่างเดียวอาจทำให้แผลหายได้เช่นกันแต่มีผลเสียคือ มีโอกาสเกิดแผลซ้ำได้สูง และทำให้มีโอกาสที่เชื้อแบคทีเรียจะทำลายเยื่อบุผิวกระเพาะอาหารลุกลามมาก ขึ้นได้ จึงน่าเป็นห่วงสำหรับผู้ป่วยที่มักจะรับประทานยาลดกรดเอง แล้วมีอาการเป็นๆหายๆโดยไม่เคยได้รับการตรวจหาเชื้อแบคทีเรียซึ่งอาจเป็น สาเหตุของโรคที่ไม่หายขาดและส่งผลเสียต่อไปในอนาคตได้
     ในกลุ่มผู้ ป่วยที่รับประทานยาที่มีผลทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ควรจะหยุดยาและหลีกเลี่ยงการรับยาในกลุ่มนี้ซ้ำอีก ยกเว้นในกรณีที่ยานั้นจำเป็นต่อการรักษาโรค ผู้ป่วยควรได้รับยาลดกรดควบคู่ไปกับยาที่รับประทานอยู่เพื่อรักษาแผล ลดโอกาสการเกิดแผลขึ้นใหม่ และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากแผล ส่วนในกรณีผู้ป่วยที่ตรวจพบภาวะกรดเกินจากเนื้องอกควรได้รับการผ่าตัด
    2.การรักษาแผล ผู้ป่วยจะได้รับยาลดกรดเพื่อยับยั้งการหลั่งกรดและส่งเสริมการสมานแผล โดยเฉลี่ยเป็นเวลานาน 6-8 สัปดาห์ รวมทั้งผู้ป่วยควรจะงดการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ควบคุมอาหารที่เพิ่มการหลั่งกรดดังกล่าว รวมทั้งลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งการดูแลตัวเองดังนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีขึ้นได้โดยเร็ว

    ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ คาวตอง พลัส เป็นผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันและแก้ปัญหาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้ผล เป็นที่นิยมอย่างสูง
    ดูข้อมูลที่ http://kowtongplusbml.blogspot.com
    อย. 50-1-16353-1-0013
    ปริมาณและราคา
    คาวตอง พลัส 1 ขวด ปริมาณ 90 แคปซูล    ราคา   800 บาท
    วิธีรับประทาน  รับประทาน 2 แคปซูลก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
    สั่งซื้อและสมัครเป็นตัวแทนขาย
    คุณ วีระชัย  ทองสา โทร. 085-0250423 , 080-4248112
           อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น