ผู้ป่วยเอดส์ ผู้ที่มีเชื้อ HIV อยู่ในร่างกายแต่ไม่มีอาการผิดปกติ, ไม่ป่วย เรียกว่า “ผู้ติดเชื้อเอดส์” ผู้ติดเชื้อเอดส์ที่ภูมิคุ้มกันเสื่อมลงและมีอาการป่วยเรียกว่า “ผู้ป่วยเอดส์”
การติดต่อโรคเอดส์ เชื้อเอดส์ติดต่อได้ 3 ทาง ได้แก่
-เชื้อโรคอาจเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล เข็มฉีดยา รอยสัก เยื่อบุบาง ๆ เช่น เยื่อบุช่องปาก เยื่อบุตา ฯลฯ
-ทางเพศสัมพันธ์ เชื้อเอดส์สามารถซึมผ่านเยื่อบุท่อปัสสาวะและช่องคลอดได้ โดยไม่ต้องมีแผลหรือรอยถลอก ปาก คอ รวมทั้งเยื่อบุทวารหนักด้วย
-จากแม่สู่ลูกในครรภ์ ซึ่งไม่ได้ติดเชื้อทุกราย ลูกจะติดเชื้อจากแม่เพียง 25-30% เท่านั้น และถ้าป้องกันด้วยการใช้ยา การติดเชื้อจากแม่จะลดลงเหลือประมาณ 8-10%
เมื่อเชื้อเอดส์ผ่านเข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายจะตอบสนองโดยการสร้างภูมิต้านทานต่อเชื้อเอดส์ (แอนติบอดี้) ซึ่งสามารถยับยั้งการทำงานของเชื้อเอดส์บางส่วนได้ การตรวจหาการติดเชื้อเอดส์จะใช้วิธีตรวจแอนติบอดี้แทนการตรวจเชื้อเอดส์ เพราะเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกกว่ามาก เชื้อเอดส์จะเข้าเกาะติดกับเม็ดเลือดบางชนิด CD4 ซึ่งปกติทำหน้าที่เป็นภูมิต้านทานเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมอื่น และจะเจาะผ่านเข้าอยู่ภายในเซลล์ เชื้อเอดส์จะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นจนเซลล์ CD4 แตกออก
เชื้อเอดส์จะเข้าสู่กระแสเลือดไปเกาะเซลล์ CD4 ตัวอื่นๆ ต่อไป ภูมิคุ้มกันร่างกาย ไม่สามารถทำลายเฉพาะเชื้อเอดส์ที่มีอยู่ในเซลล์ CD4 แต่เซลล์ CD4 ที่มีเชื้อเอดส์จะถูกทำลายไปด้วย เพราะภูมิคุ้มกันไม่สามารถเลือกทำลายเฉพาะเชื้อเอดส์ได้ เมื่อเซลล์ CD4 ลดลงเรื่อยๆ ภูมิคุ้มกันร่างกายจึงเสื่อมลงจนไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ได้
ระยะต่างๆ ของการเกิดเชื้อเอดส์และการป่วย การฉีดยา ระยะตรวจไม่พบการติดเชื้อ เริ่มตั้งแต่รับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะไม่สามารถตรวจพบได้ จนกว่าร่างกายสร้างแอนติบอดี้ต่อเชื้อเอดส์ ใช้เวลา 2 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน (บางครั้งอาจนานถึง 6 เดือน) เป็นช่วงที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก เนื่องจากปริมาณเชื้อในกระแสเลือดสูง และเป็นระยะที่ตรวจไม่พบการติดเชื้อทั้งที่มีเชื้อเอดส์อยู่ (Window period)
ดังนั้นการตรวจเลือดได้ผลลบในผู้ที่เพิ่งรับเชื้อเข้าสู่ร่างกายจึงไม่ได้หมายความว่าคนผู้นั้นปลอดเอดส์อย่างแท้จริง ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ
ผู้ติดเชื้อจะดูปกติแยกไม่ออกจากคนทั่วไป การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและเอาใจใส่ดูแล สุขภาพอย่างดี จะช่วยให้ภูมิคุ้มกันเสื่อมช้าลง มีผู้ติดเชื้อเอดส์หลายคนยังคงแข็งแรงดี แม้จะติดเชื้อมานานถึง 15 ปีแล้ว ระยะเริ่มมีอาการ ผู้ติดเชื้อเอดส์อาจมีต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังคอ รักแร้และขาหนีบ
แต่ส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติ กลับไปสู่ระยะที่ 2 ได้ อาการที่พบบ่อยได้แก่ ไข้สูงนานหลายสัปดาห์ เชื้อราในช่องปาก มะเร็งผิวหนัง เหงื่อออกกลางคืน น้ำหนักลดมากๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต และโรคติดเชื้อแทรกซ้อนต่างๆ
การป้องกันโรคเอดส์ การติดต่อทางเลือด ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น ใส่ถุงมือทุกครั้งถ้าต้องสัมผัสกับเลือดน้ำเหลือง น้ำหนอง การติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้องทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ การป้องกันการติดต่อจากแม่สู่ลูกในท้อง ต้องมีการเตรียมตัวก่อนแต่งงานโดยการตรวจสุขภาพและตรวจ
ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ คาวตอง พลัส เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมอย่างสูง
ดูข้อมูลที่ http://kowtongplusbml.blogspot.com
อย. 50-1-16353-1-0013
ปริมาณและราคา
คาวตอง พลัส 1 ขวด ปริมาณ 90 แคปซูล ราคา 800 บาท
วิธีรับประทาน รับประทาน 2 แคปซูลก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
สั่งซื้อและสมัครเป็นตัวแทนขาย
คุณ วีระชัย ทองสา โทร. 085-0250423 , 080-4248112
อีเมล์ weerachai.coffee@hotmail.com
คาวตองไปช่วยอะไรได้ค่ะ ในคนติดเชื้อ ไปฆ่าเชื้อโรคหรือไปเพิ่มtd4
ตอบลบ